1. บทนำ
ภาษา C เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในการพัฒนาระบบโปรแกรมมิงและระบบฝังตัว (Embedded Systems) ภายในนั้น โครงสร้างลิสต์ (List Structure) ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการจัดการและดำเนินการกับข้อมูล บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับโครงสร้างลิสต์ในภาษา C ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงตัวอย่างการใช้งานจริงอย่างละเอียด
ความสำคัญของโครงสร้างลิสต์
โครงสร้างลิสต์เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ใช้จัดการข้อมูลโดยคงลำดับของข้อมูลไว้ เหมาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ดังต่อไปนี้
- การจัดการข้อมูลที่มีลำดับ
- ต้องการเพิ่มหรือลบข้อมูลแบบไดนามิก
- การใช้หน่วยความจำอย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างเช่น ในแอปจัดการงาน (Task Management) ที่ต้องมีการเพิ่มหรือลบงานบ่อย โครงสร้างลิสต์จะยืดหยุ่นกว่าการใช้ Array
วัตถุประสงค์ของบทความนี้
บทความนี้จะแสดงวิธีการสร้างและใช้งานโครงสร้างลิสต์ในภาษา C พร้อมตัวอย่างโค้ดจริง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจพื้นฐานและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในโปรแกรมของตนเองได้
เป้าหมายการเรียนรู้
- เข้าใจพื้นฐานของโครงสร้างลิสต์
- เรียนรู้การสร้างลิสต์เชื่อมโยง (Linked List) ในภาษา C
- ฝึกการประยุกต์ใช้ด้วยการศึกษาจากตัวอย่างโค้ดจริง

2. โครงสร้างลิสต์คืออะไร
โครงสร้างลิสต์เป็นหนึ่งในโครงสร้างข้อมูลที่ใช้จัดการข้อมูลตามลำดับ ในส่วนนี้เราจะอธิบายแนวคิดพื้นฐานและประเภทของโครงสร้างลิสต์
แนวคิดพื้นฐานของโครงสร้างลิสต์
โครงสร้างลิสต์จะจัดการข้อมูลในรูปแบบที่องค์ประกอบข้อมูล (Node) ถูกเชื่อมโยงกันเป็นลำดับ โดยแต่ละ Node จะมีข้อมูลดังนี้
- ส่วนข้อมูล (Data): ส่วนที่เก็บค่าข้อมูลจริง
- ส่วนลิงก์ (Link): ส่วนที่เก็บตัวชี้ (Pointer) ไปยัง Node ถัดไป
ด้วยโครงสร้างนี้ จึงสามารถเพิ่มหรือลบข้อมูลได้แบบไดนามิก ทำให้เหมาะกับข้อมูลที่มีความยาวเปลี่ยนแปลงได้
ความแตกต่างระหว่าง Array และ List
โครงสร้างลิสต์และอาร์เรย์แตกต่างกันในวิธีการจัดการข้อมูลดังนี้
หัวข้อ | Array | โครงสร้างลิสต์ |
---|---|---|
ขนาด | คงที่ (กำหนดตอนประกาศ) | เปลี่ยนแปลงได้ (Dynamic) |
การเข้าถึงข้อมูล | เข้าถึงได้โดยตรงผ่าน Index | ต้องค้นหาจากจุดเริ่มต้นทีละขั้น |
การจัดการหน่วยความจำ | ใช้พื้นที่หน่วยความจำแบบต่อเนื่อง | ใช้พื้นที่หน่วยความจำแบบกระจาย |
การเพิ่ม/ลบข้อมูล | ต้นทุนสูง (ต้องย้ายข้อมูล) | ต้นทุนต่ำ (เพียงเปลี่ยน Pointer) |
ดังนั้น ลิสต์เหมาะกับงานที่ต้องการความยืดหยุ่น ส่วนอาร์เรย์เหมาะกับงานที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ภาพรวมและคุณลักษณะของ Linked List
ตัวอย่างที่พบบ่อยของโครงสร้างลิสต์คือ Linked List ซึ่งมีคุณลักษณะดังนี้
- ขนาดเปลี่ยนแปลงได้แบบไดนามิก
สามารถเพิ่มหรือลบ Node ได้ตามต้องการ จัดการหน่วยความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เพิ่ม/ลบ Node ได้ง่าย
เพียงเปลี่ยน Pointer ก็สามารถเพิ่มหรือลบข้อมูลตรงกลางหรือท้ายลิสต์ได้ - การค้นหาใช้เวลานาน
ต้องค้นหาจากหัวลิสต์ไปทีละ Node ทำให้การค้นหาเฉพาะข้อมูลใช้เวลามากกว่า
ประเภทของ Linked List
Linked List แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
- Single Linked List
แต่ละ Node ชี้ไปยัง Node ถัดไปเพียงทิศทางเดียว
- โครงสร้างง่าย ใช้หน่วยความจำน้อย
- สามารถเลื่อนไปข้างหน้าได้เท่านั้น ไม่สามารถย้อนกลับ
- Double Linked List
แต่ละ Node ชี้ไปยังทั้ง Node ก่อนหน้าและ Node ถัดไป
- เลื่อนไปได้ทั้งสองทิศทาง จัดการข้อมูลได้ยืดหยุ่น
- ใช้หน่วยความจำมากกว่า Single Linked List
- Circular Linked List
Node สุดท้ายชี้กลับไปยัง Node แรก
- วนลูปได้ไม่มีที่สิ้นสุด เหมาะกับงานที่ต้องทำซ้ำ
- เหมาะกับการใช้งานเฉพาะด้าน
ในหัวข้อถัดไป เราจะเข้าสู่ วิธีการสร้าง Linked List ในภาษา C พร้อมตัวอย่างโค้ด
3. การสร้าง Linked List ในภาษา C
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายวิธีการสร้างและใช้งาน Linked List ในภาษา C พร้อมตัวอย่างโค้ดจริง
โครงสร้างพื้นฐานของ Linked List
Linked List ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักดังนี้
- การกำหนดโครงสร้าง Node
- Node แต่ละตัวจะประกอบด้วยข้อมูลและ Pointer ที่ชี้ไปยัง Node ถัดไป
- Head Pointer
- Pointer ที่ชี้ไปยังจุดเริ่มต้นของลิสต์ ใช้จัดการทั้งโครงสร้าง
ตัวอย่างโค้ด: การสร้าง Linked List พื้นฐาน
ตัวอย่างโค้ดสำหรับการสร้างและจัดการ Linked List
#include <stdio.h>
#include <stdlib.h>
// กำหนดโครงสร้าง Node
typedef struct Node {
int data; // ส่วนข้อมูล
struct Node* next; // Pointer ไปยัง Node ถัดไป
} Node;
// สร้าง Node ใหม่
Node* createNode(int data) {
Node* newNode = (Node*)malloc(sizeof(Node)); // จองหน่วยความจำ
if (newNode == NULL) {
printf("การจองหน่วยความจำล้มเหลว\n");
exit(1);
}
newNode->data = data;
newNode->next = NULL; // Node ถัดไปเริ่มต้นเป็น NULL
return newNode;
}
// แทรก Node ที่หัวลิสต์
void insertAtHead(Node** head, int data) {
Node* newNode = createNode(data);
newNode->next = *head;
*head = newNode;
}
// แสดงข้อมูลในลิสต์
void printList(Node* head) {
Node* temp = head;
while (temp != NULL) {
printf("%d -> ", temp->data);
temp = temp->next;
}
printf("NULL\n");
}
// ลบหน่วยความจำของลิสต์
void freeList(Node* head) {
Node* temp;
while (head != NULL) {
temp = head;
head = head->next;
free(temp);
}
}
int main() {
Node* head = NULL;
// เพิ่มข้อมูลในลิสต์
insertAtHead(&head, 3);
insertAtHead(&head, 2);
insertAtHead(&head, 1);
// แสดงลิสต์
printList(head);
// ลบหน่วยความจำ
freeList(head);
return 0;
}
คำอธิบายโค้ด
- การสร้าง Node
- ใช้การจองหน่วยความจำแบบไดนามิก (malloc) เพื่อสร้าง Node ใหม่
- การแทรก Node
- สามารถแทรกข้อมูลที่หัวหรือท้ายลิสต์เพื่อขยายโครงสร้าง
- การลบ Node
- สามารถลบ Node แรกหรือ Node ที่มีค่าตรงกับเงื่อนไขได้
- การจัดการหน่วยความจำ
- ควรลบหน่วยความจำหลังใช้งานเสร็จเพื่อป้องกัน Memory Leak

4. ประเภทของ Linked List
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายประเภทหลักของ Linked List และคุณลักษณะของแต่ละประเภท รวมถึงข้อดีและข้อจำกัดเพื่อช่วยให้เลือกใช้งานได้เหมาะสม
1. Single Linked List
เป็นโครงสร้างที่แต่ละ Node จะชี้ไปยัง Node ถัดไปเพียงทิศทางเดียว
คุณลักษณะ:
- สามารถเดินหน้าได้เพียงทิศทางเดียว
- ใช้หน่วยความจำน้อยและโครงสร้างเรียบง่าย
ข้อดี:
- ขนาดเปลี่ยนแปลงได้แบบไดนามิก
- เพิ่ม/ลบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัด:
- ไม่สามารถย้อนกลับไปยัง Node ก่อนหน้าได้
2. Double Linked List
เป็นโครงสร้างที่แต่ละ Node จะชี้ไปยังทั้ง Node ก่อนหน้าและ Node ถัดไป
คุณลักษณะ:
- มี Pointer ไปยัง Node ก่อนหน้าและ Node ถัดไป
- เคลื่อนที่ได้ทั้งสองทิศทาง
ข้อดี:
- ค้นหาและลบข้อมูลได้ง่ายทั้งจากด้านหน้าและด้านหลัง
- ยืดหยุ่นต่อการจัดการข้อมูล
ข้อจำกัด:
- ใช้หน่วยความจำมากกว่า Single Linked List
- โค้ดซับซ้อนกว่า
3. Circular Linked List
เป็นโครงสร้างที่ Node สุดท้ายจะชี้กลับไปยัง Node แรก
คุณลักษณะ:
- ไม่มีจุดสิ้นสุดของลิสต์
- สามารถสร้างได้ทั้งแบบ Single และ Double
ข้อดี:
- เหมาะกับงานที่ต้องวนซ้ำ เช่น Queue หรือ Buffer
- เข้าถึงหัวและท้ายลิสต์ได้สะดวก
ข้อจำกัด:
- ต้องระวังในการค้นหาหรือการลบ เนื่องจากไม่มีจุดสิ้นสุด
5. การดำเนินการกับ Linked List
ในส่วนนี้ เราจะอธิบายการดำเนินการพื้นฐานกับ Linked List ได้แก่ การแทรก (Insertion), การลบ (Deletion), และ การค้นหา (Search) พร้อมตัวอย่างโค้ด
1. การแทรกข้อมูล
การเพิ่ม Node ใหม่ใน Linked List มี 3 วิธีหลัก
(1) แทรกที่หัวลิสต์
เพิ่ม Node ใหม่ที่จุดเริ่มต้นของลิสต์
void insertAtHead(Node** head, int data) {
Node* newNode = (Node*)malloc(sizeof(Node));
newNode->data = data;
newNode->next = *head; // Node ใหม่ชี้ไปที่หัวปัจจุบัน
*head = newNode; // อัปเดตหัวลิสต์
}
(2) แทรกที่ท้ายลิสต์
เพิ่ม Node ใหม่ที่ส่วนท้ายของลิสต์
void insertAtTail(Node** head, int data) {
Node* newNode = (Node*)malloc(sizeof(Node));
newNode->data = data;
newNode->next = NULL;
if (*head == NULL) { // ลิสต์ว่าง
*head = newNode;
return;
}
Node* temp = *head;
while (temp->next != NULL) { // เดินไปยัง Node สุดท้าย
temp = temp->next;
}
temp->next = newNode; // เพิ่ม Node ใหม่ที่ท้าย
}
2. การลบข้อมูล
การลบ Node ออกจาก Linked List สามารถทำได้หลายวิธี
(1) ลบ Node แรก
void deleteAtHead(Node** head) {
if (*head == NULL) {
printf("ลิสต์ว่าง\n");
return;
}
Node* temp = *head;
*head = (*head)->next; // อัปเดตหัวลิสต์
free(temp); // ลบหน่วยความจำ
}
(2) ลบ Node ที่มีค่าตรงกับที่กำหนด
void deleteNode(Node** head, int key) {
Node* temp = *head;
Node* prev = NULL;
// กรณี Node แรกเป็นข้อมูลที่ต้องการลบ
if (temp != NULL && temp->data == key) {
*head = temp->next;
free(temp);
return;
}
// ค้นหา Node ที่ต้องการลบ
while (temp != NULL && temp->data != key) {
prev = temp;
temp = temp->next;
}
if (temp == NULL) {
printf("ไม่พบข้อมูล\n");
return;
}
prev->next = temp->next;
free(temp);
}
3. การค้นหาข้อมูล
ค้นหา Node ที่มีค่าตรงกับที่กำหนด
int search(Node* head, int key) {
Node* temp = head;
int position = 0;
while (temp != NULL) {
if (temp->data == key) {
return position; // คืนค่าตำแหน่ง
}
temp = temp->next;
position++;
}
return -1; // ไม่พบข้อมูล
}
4. การแสดงข้อมูลทั้งหมด
แสดงค่าของทุก Node ในลิสต์ตามลำดับ
void printList(Node* head) {
Node* temp = head;
while (temp != NULL) {
printf("%d -> ", temp->data);
temp = temp->next;
}
printf("NULL\n");
}
สรุป
ในส่วนนี้เราได้เรียนรู้การเพิ่ม, ลบ, และค้นหาข้อมูลใน Linked List
- การเพิ่ม ทำได้ทั้งที่หัว, ท้าย หรือจุดใดๆ
- การลบ สามารถลบ Node แรกหรือ Node ที่มีค่าตามเงื่อนไข
- การค้นหา ใช้เพื่อตรวจสอบตำแหน่งของข้อมูลในลิสต์

6. ข้อควรระวังในการจัดการหน่วยความจำ
ในส่วนนี้ เราจะพูดถึงการจัดการหน่วยความจำที่สำคัญในการใช้งาน Linked List โดยเน้นที่ การจองหน่วยความจำแบบไดนามิก และ การป้องกัน Memory Leak เพื่อให้โปรแกรมปลอดภัยและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การจองหน่วยความจำแบบไดนามิกคืออะไร?
ในภาษา C การสร้าง Node ใน Linked List จะใช้การ จองหน่วยความจำแบบไดนามิก ทำให้เราสามารถกำหนดขนาดหน่วยความจำตามความต้องการในขณะรันโปรแกรม
ตัวอย่างโค้ด: การจองหน่วยความจำสำหรับ Node
Node* createNode(int data) {
Node* newNode = (Node*)malloc(sizeof(Node)); // จองหน่วยความจำ
if (newNode == NULL) { // ตรวจสอบว่าจองสำเร็จหรือไม่
printf("การจองหน่วยความจำล้มเหลว\n");
exit(1); // จบการทำงานของโปรแกรม
}
newNode->data = data;
newNode->next = NULL;
return newNode;
}
2. ความสำคัญของการคืนหน่วยความจำ
เมื่อเราจองหน่วยความจำใหม่สำหรับ Node แต่ละตัว หากไม่คืนหน่วยความจำเมื่อเลิกใช้งาน จะทำให้เกิด Memory Leak ซึ่งทำให้โปรแกรมใช้หน่วยความจำมากเกินไปและอาจทำงานช้าลงหรือหยุดทำงาน
ตัวอย่างโค้ด: การคืนหน่วยความจำ
void freeList(Node* head) {
Node* temp;
while (head != NULL) {
temp = head; // เก็บ Node ปัจจุบัน
head = head->next; // ไปยัง Node ถัดไป
free(temp); // คืนหน่วยความจำ
}
}
3. แนวปฏิบัติที่ดีในการป้องกัน Memory Leak
- คืนหน่วยความจำทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุก Node ถูกคืนหน่วยความจำหลังเลิกใช้งาน
- ใช้เครื่องมือ Debug เพื่อตรวจสอบ
- เช่น Valgrind หรือ AddressSanitizer เพื่อหาตำแหน่งที่เกิด Memory Leak
ตัวอย่างการใช้ Valgrind (บน Linux)
valgrind --leak-check=full ./a.out
- จัดการ Pointer อย่างระมัดระวัง
- กำหนดความเป็นเจ้าของ Pointer ให้ชัดเจน
- หลังคืนหน่วยความจำแล้วควรตั้ง Pointer เป็น
NULL
เพื่อป้องกันการเข้าถึงซ้ำ
สรุป
- การจองหน่วยความจำแบบไดนามิกช่วยให้ Linked List จัดการข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่น
- หากลืมคืนหน่วยความจำ อาจทำให้เกิด Memory Leak และโปรแกรมทำงานผิดพลาด
- ควรใช้เครื่องมือ Debug เพื่อตรวจสอบและป้องกันปัญหานี้
7. ตัวอย่างการประยุกต์ใช้และการนำไปใช้งานจริง
ในส่วนนี้ เราจะนำเสนอการประยุกต์ใช้ Linked List กับโครงสร้างข้อมูลอื่น เช่น Stack และ Queue เพื่อแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและประโยชน์ในการใช้งานจริง
1. ตัวอย่างการสร้าง Stack
Stack เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบ LIFO (Last In, First Out) คือข้อมูลที่ถูกเพิ่มเข้ามาล่าสุดจะถูกนำออกก่อน
ตัวอย่างโค้ด: Stack ด้วย Linked List
#include <stdio.h>
#include <stdlib.h>
typedef struct Node {
int data;
struct Node* next;
} Node;
Node* createNode(int data) {
Node* newNode = (Node*)malloc(sizeof(Node));
newNode->data = data;
newNode->next = NULL;
return newNode;
}
void push(Node** top, int data) {
Node* newNode = createNode(data);
newNode->next = *top;
*top = newNode;
}
int pop(Node** top) {
if (*top == NULL) {
printf("สแตกว่าง\n");
exit(1);
}
Node* temp = *top;
int poppedData = temp->data;
*top = (*top)->next;
free(temp);
return poppedData;
}
void printStack(Node* top) {
while (top != NULL) {
printf("%d -> ", top->data);
top = top->next;
}
printf("NULL\n");
}
int main() {
Node* stack = NULL;
push(&stack, 10);
push(&stack, 20);
push(&stack, 30);
printf("ข้อมูลในสแตก: ");
printStack(stack);
printf("นำออก: %d\n", pop(&stack));
printf("นำออก: %d\n", pop(&stack));
printf("ข้อมูลในสแตก: ");
printStack(stack);
return 0;
}
2. ตัวอย่างการสร้าง Queue
Queue เป็นโครงสร้างข้อมูลแบบ FIFO (First In, First Out) คือข้อมูลที่ถูกเพิ่มเข้ามาก่อนจะถูกนำออกก่อน
ตัวอย่างโค้ด: Queue ด้วย Linked List
#include <stdio.h>
#include <stdlib.h>
typedef struct Node {
int data;
struct Node* next;
} Node;
typedef struct Queue {
Node* front;
Node* rear;
} Queue;
Queue* createQueue() {
Queue* q = (Queue*)malloc(sizeof(Queue));
q->front = q->rear = NULL;
return q;
}
void enqueue(Queue* q, int data) {
Node* newNode = (Node*)malloc(sizeof(Node));
newNode->data = data;
newNode->next = NULL;
if (q->rear == NULL) {
q->front = q->rear = newNode;
return;
}
q->rear->next = newNode;
q->rear = newNode;
}
int dequeue(Queue* q) {
if (q->front == NULL) {
printf("คิวว่าง\n");
exit(1);
}
Node* temp = q->front;
int data = temp->data;
q->front = q->front->next;
if (q->front == NULL) {
q->rear = NULL;
}
free(temp);
return data;
}
void printQueue(Queue* q) {
Node* temp = q->front;
while (temp != NULL) {
printf("%d -> ", temp->data);
temp = temp->next;
}
printf("NULL\n");
}
int main() {
Queue* q = createQueue();
enqueue(q, 1);
enqueue(q, 2);
enqueue(q, 3);
printf("ข้อมูลในคิว: ");
printQueue(q);
printf("นำออก: %d\n", dequeue(q));
printf("นำออก: %d\n", dequeue(q));
printf("ข้อมูลในคิว: ");
printQueue(q);
return 0;
}
สรุป
- Stack เหมาะสำหรับการทำงานแบบ LIFO เช่น การคำนวณสูตรหรือการเรียกซ้อน (Recursion)
- Queue เหมาะสำหรับการทำงานแบบ FIFO เช่น การจัดการงานตามลำดับหรือการประมวลผลข้อมูลที่เข้ามาต่อเนื่อง

8. สรุป
บทความนี้ได้อธิบายเกี่ยวกับ Linked List ในภาษา C ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐานไปจนถึงการใช้งานจริง รวมถึงตัวอย่างการประยุกต์ใช้ ในส่วนนี้เราจะทบทวนประเด็นสำคัญและแนะนำขั้นตอนต่อไปในการเรียนรู้
1. ทบทวนประเด็นสำคัญ
พื้นฐานของ Linked List
- Linked List เป็นโครงสร้างข้อมูลที่สามารถปรับขนาดได้แบบไดนามิกและมีความยืดหยุ่นสูง
- แตกต่างจาก Array ตรงที่การเพิ่มและลบข้อมูลทำได้ง่าย แต่การค้นหาข้อมูลต้องทำแบบลำดับทีละขั้น
ตัวอย่างการใช้งานและการดำเนินการพื้นฐาน
- เราได้เรียนรู้การสร้าง Node การเพิ่ม การลบ และการค้นหาข้อมูล พร้อมตัวอย่างโค้ด
- ได้เน้นความสำคัญของการจัดการหน่วยความจำอย่างถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยง Memory Leak
ประเภทและการนำไปใช้
- Single Linked List เหมาะกับการประมวลผลง่ายๆ ที่ต้องการใช้หน่วยความจำน้อย
- Double Linked List เหมาะกับการใช้งานที่ต้องเลื่อนดูข้อมูลได้ทั้งสองทิศทาง
- Circular Linked List เหมาะกับระบบที่ต้องทำงานแบบวนซ้ำ
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้
- Stack และ Queue ที่สร้างด้วย Linked List สามารถนำไปใช้ในระบบจัดการงาน การประมวลผลข้อมูล และการคำนวณเชิงอัลกอริทึม
2. ทักษะที่ได้รับและการประยุกต์ใช้
จากบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ทักษะดังต่อไปนี้
- ความเข้าใจโครงสร้างข้อมูล
- พัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรม C
- เพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหาเชิงตรรกะ
3. หัวข้อที่ควรศึกษาเพิ่มเติม
- การประยุกต์ใช้โครงสร้างข้อมูลขั้นสูง
- โครงสร้างต้นไม้ (Binary Tree, AVL Tree)
- อัลกอริทึมกราฟ (Breadth-First Search, Depth-First Search)
- การจัดการข้อมูลขั้นสูง
- ตารางแฮช (Hash Table) และ Map
- การออกแบบโครงสร้างผสมระหว่าง Array และ Linked List
- การปรับปรุงประสิทธิภาพอัลกอริทึม
- การปรับปรุงอัลกอริทึมการค้นหาและการเรียงลำดับ
- การวิเคราะห์เวลาและการใช้หน่วยความจำ
4. แนวทางการนำไปใช้งานจริง
ตัวอย่างโปรเจ็กต์
- แอปจัดการงาน (Task Management Application)
- ระบบจำลองการทำงาน (Simulation System)
- เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis Tool)
5. สุดท้าย
Linked List เป็นโครงสร้างข้อมูลพื้นฐานที่มีความสามารถสูงและสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย แม้จะเป็นหัวข้อพื้นฐาน แต่สามารถนำไปพัฒนาระบบที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจและสามารถนำไปใช้งานได้จริง